ตั้งใจว่าจะไปถ่ายภาพโคมไฟมาหลายวันแล้ว ตรงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ในช่วงเทศกาลงานยี่เป็ง แต่เจ้ากรรมพอไปวันแรกดันลืมแบตเตอรี่กล้อง และด้วยความขี้เกียจกลับมาเอาก็เลยยกยอดมาวันหลัง ซึ่งไอ้วันหลังที่ว่าดันมาฝนตกซะด้วย
เออ เอาซิ เอาเข้าไป อะไรมันจะอุปสรรคเยอะ
วันแรกที่มาเดินโฉบผ่านๆ โคมไฟบางส่วนไม่ได้เปิด และก็เช่นกันที่วันนี้ก็ถูกปิดด้วย (ไม่รู้ว่าเพราะอะไร)แต่ก็ช่างมัน ถ่ายเอาตรงที่มันเปิดๆ ไฟเอาก็พอ
ชื่อธีมโคมไฟของงานตรงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ไม่ได้เดินดูหรอกว่าชื่ออะไร แต่มารู้ทีหลังเอาจากอินเตอร์เน็ต ฝั่งทางด้านพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา เขาใช้ชื่อว่า “มหัศจรรย์โคมไฟนานาชาติสานสัมพันธ์นครพิงค์” ส่วนฝั่งอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ใช้ชื่อว่า “มหัศจรรย์โคมไฟล้านนา ใต้แสงแห่งพระบารมีราชจักรีวงศ์”
มากันทีฝั่งพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา กันก่อน โซนนี้คนเยอะพลุกพล่านกันไปหมด ยืนถ่ายรูปกับโคมไฟกันตรึม โดยลักษณะโคมไฟที่จัดแสดง เป็นโคมไฟจีน ประหนึ่งงานตรุษจีนกลายๆ ก็อย่างว่า เพื่อที่จะได้ดึงดูดและเข้ากันกับนักท่องเที่ยวจีน ว่าแต่นักท่องเที่ยวจีนจะชอบรึเปล่าไม่รู้ ที่อุตส่าห์ถ่อมาเที่ยวกันตั้งไกล แต่ทำไมยังได้มาสัมผัสโคมไฟแบบจีนๆ กัน ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นโคมไฟแบบล้านนามากกว่า
เสร็จจากฝั่งนั้นมากันอีกฝั่งสำหรับบริเวณ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ โซนนี้คนก็เยอะไม่แพ้กัน โคมไฟที่ใช้เลือกจัดแน่นอนว่าเป็นแบบล้านนา มีด้วยกันหลากหลายสี น่าเสียดายไปหน่อยตรงที่บางส่วนเขาปิดไว้ มันเลยทำให้สวยงามกันแบบไม่สุดกัน(ปกติโคมไฟปีนี้ก็ไม่ค่อยสวยอยู่แล้ว)
ไหนๆ ก็พูดถึงความสวยงามแล้ว ก็ขอไหลต่อเลยล่ะกัน ว่าปีนี้โคมไฟเชียงใหม่ในงานยี่เป็งดูด้อยกว่า 2 – 3 ปีหลังเยอะอย่างเห็นได้ชัด และที่พูดกันแบบนี้ เพราะผมมีโอกาสได้มาเก็บภาพทุกปีเลยสังเกตเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ส่วนใครที่เป็นขาจรหน่อย มาบ้างไม่มาบ้างอาจจะไม่รู้กัน
ว่าแล้วก็เลยอยากจะขอฝากถึงทางผู้จัดด้วยว่า ปีหน้าฟ้าใหม่ หรืองานอะไรก็ตามแต่ที่จะจัดในอนาคต ช่วยรบกวนเปลี่ยนธีมของงานด้วยครับ ไม่ใช่หากินแต่ของเก่า เช่น อาเซียนปีนี้ ปีหน้าก็อาเซียนอีก แบบนี้ไม่ไหวครับ คนมาเที่ยวเขาเบื่อกัน หวังว่าคงเข้าใจกันถึงเจตนาที่บอกไป
เหมือนๆ กับกินข้าวนั่นแหละ กินแต่แบบเดิมๆ ซ้ำซากมันก็เบื่อ เปลี่ยนเมนูบ้างอะไรบ้าง เพื่อเพิ่มรสชาติในชีวิต
แต่ถ้าจะให้ไม่เปลี่ยนคือมีเหตุผลเดียว เพราะของเดิมมันดีอยู่แล้ว
ว่าแต่มันดีพอรึยังล่ะตอนนี้