เขียนรวบแบบคู่มาแล้ว คงไม่ผิดถ้าผมจะเขียนรวบแบบทีเดียวสามวัดไปเลยนะครับ เพราะถ้าหากจะแยก ก็เกรงเนื้อหาจะน้อยไปหน่อยจนเบาเหวง เอาเป็นว่าจัดไปแบบนี้เลยล่ะกัน
ไปกันที่วัดแรก เป็นวัดกู่อ้ายสี ตามข้อมูล ไม่ปรากฏประวัติความเป็นมาในเอกสารและตำนานทางประวัติศาสตร์ เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกัน น่าจะเป็นชื่อของนายสีเจ้าของที่ดิน
ส่วนพิกัดของวัดจะตั้งอยู่ในเขตบ้านช้างค้ำ ตำบลท่าวังตาล อยู่ภายในเขตเวียงกุมกาม ห่างจากวัดช้างค้ำไปทางทิศตะวันออกประมาณ 200 เมตร โบราณสถานจะประกอบด้วย วิหาร เจดีย์ แทนบูชา และแนวอิฐลักษณะคล้ายวิหาร (เชื่อมต่อกับวิหารทางทิศใต้) ซึ่งปัจจุบันได้รับการบูรณะแล้ว
จากนั้นก็มาต่อกันกับวัดกู่มะเกลือ ที่ตั้งอยู่ในเขตบ้านเสาหิน ตำบลหนองผึ้ง อยู่ในเขตกำแพงเวียงกุมกามด้านทิศตะวันออก ห่างจากคูเมืองไปทางตะวันตกประมาณ 50 เมตร ประกอบด้วย วิหารและเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน
โดยวิหารวัดจะตั้งอยู่ด้านหน้า เจดีย์หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เจดีย์วิหารตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ฐานวิหารเป็นที่ตั้งของฐานชุกชี ลักษณะการวางรูปแบบ การก่อสร้างมีลักษณะคล้ายกับวัดปู่เปี้ย วัดอีก้างและวัดกู่ไม้ซ้ง ลักษณะเช่นนี้ปรากฏในยุคที่ล้านนามีความรุ่งเรืองทางด้านศาสนา วัดกู่มะเกลือจึงน่าจะมีอายุการก่อสร้างในช่วงสมัยล้านนาราวพุทธศตวรรษที่ 21 ลงมา ซึ่งปัจจุบันได้รับการบูรณะแล้ว ส่วนชื่อวัดน่าจะมาจากการที่ชาวบ้านเรียกกัน เพราะมีต้นมะเกลือขนาดใหญ่ขึ้นอยู่บนเนินวัด
ตบท้ายกันด้วยวัดกู่ไม้ซ้ง ที่ปัจจุบันตั้งอยู่ในทุ่งโล่งภายในกำแพงเวียงกุมกามทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ และอยู่ในท้องที่บ้านช้างค้ำ ตำบลท่าวังตาล ภายในบริเวณวัดกู่ไม้ซ้งประกอบด้วยซุ้มประตูโขง ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือ ติดกับแนวกำแพง ซึ่งเหลือเฉพาะด้านเหนือ วิหารวัดกู่ไม้ซ้งมีลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าย่อมุม เจดีย์ตั้งอยู่ท้ายวิหารด้านทิศใต้ ลักษณะเจดีย์แบบยุคเชียงใหม่ตอนต้น อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 ฐานเป็นสี่เหลี่ยมย่อมุมมียอดเป็นองค์ระฆัง ซึ่งปัจจุบันได้รับการบูรณะแล้ว
อนึ่งจากการสำรวจดูทั้ง 3 วัด ถ้าให้เปรียบเทียบกัน ก็ต้องบอกว่า วัดกู่ไม้ซ้ง บรรยากาศเงียบวังเวงกันสุดๆ จนผมสัมผัสได้ (ขนาดมาในตอนกลางวันแสกๆ นะเนี่ย) อีกอย่างสภาพแวดล้อมแถวนั้น ต้องบอกกันเลยว่ามีแต่ป่าล้วนๆ กลางค่ำ กลางคืนมา ไอ้ผมก็ไม่อยากจะจินตนาการนะว่า บรรยากาศมันจะน่าขนลุกกันขนาดไหน แถมแถวนั้นบ้านคนก็ไม่ค่อยมีกันซะด้วย ส่วนอีกวัดที่แทบจะไม่มีอะไรเลย น่าจะเป็นวัดกู่อ้ายสีนี่แหละ ที่พื้นที่เล็กแค่นิดเดียว แถมน้ำก็ท่วมขังในบริเวณนั้นกันอีก
สุดท้ายนี้ต้องบอกว่า มาเที่ยวเวียงกุมกาม ช่างให้อารมณ์แต่ละแห่งแตกต่างกันเหลือเกิน ใครอยากสัมผัสแบบผมดู ก็ลองแวะไปเที่ยวกันเอาเองครับ