ครั้งแรกที่ตัวเองเข้าไปในวัดทุงยู ผมเข้าไปแบบเสียตังค์ครับ เพราะวันนั้นไปเดินเที่ยวถนนคนเดินท่าแพ เห็นวัดนี้อยู่กับติดกันกับถนนราชดำเนิน บนเส้นสายแห่งการช้อปปิ้ง ว่าแล้วเลยจอดมันในนั้น
จอดเสร็จก็ไปเดินเล่นตามเรื่องตามราว ไม่ได้สนใจจะไปดูอะไรในวัดมาก (ก็มาดูเสื้อผ้าที่ถนนคนเดินนี่หว่า) ซึ่งพอหลังจากนั้นมาอีกหลายเดือน มาไล่เช็คดูว่าตัวเองยังไม่เคยไปวัดไหนบ้าง ปรากฏว่าชื่อวัดนี้โผล่มาครับ
หลังจากไปคลิกหารูปภาพเพิ่มเติม เลยมานึกออกว่า เฮ้ย มันวัดนี้เองนี่หว่า ทำไมตูพลาดว่ะ ซึ่งตอนนั้นพอทราบ ผมรู้สึกตัวเองเลยว่า ตูนิมันตาถั่วจริงๆ ฮ่าๆๆ
ดีนะครับ ที่ยังรู้ตัวทันว่าพลาด และเพื่อเป็นการชดใช้ความถั่วตัวเอง ก็เลยต้องแวะกลับไปเยี่ยมเยือนวัดทุงยูกันอีกซักหน
บนถนนราชดำเนิน ถ้าขับมาจากหลังประตูท่าแพ ก็ตรงดิ่งกันมาเลยครับ พอถึงสถานีตำรวจ วัดจะอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กันกับสถานีตำรวจ และวัดศรีเกิด
เข้าไปด้านใน หลายส่วนๆ ผมยังเห็นช่างกำลังทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัด ซึ่งผมก็เห็นเป็นแบบนี้มาหลายวัดในเขตคูเมือง และจากการประมวลผลของสมองก้อนน้อยๆ ของตัวเอง คาดว่าน่าจะเป็นโครงการอะไรซักอย่างจากเบื้องบน ให้ทำการปรับปรุงศาสนสถานให้เกิดความมั่นคง แข็งแรง และสวยงามยิ่งขึ้น
ตามประวัติเล่าขานบอกว่า วัดทุงยู สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2019 เดิมชื่อ วัดตุงยู โดยคำว่า “ทุยยู” ปรากฏในวรรณกรรมและกฎหมายโบราณ อันหมายถึง ร่มที่เป็นเครื่องประดับยศเจ้านาย
วัดทุงยู เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์มังรายกันครับ มีการพบชื่อในโครงนิราศหริภุญไชย ซึ่งเขียนประมาณ พ.ศ. 2060 บอกว่า วัดทุงยูได้รับการบูรณะ และฟื้นฟูจากเจ้าหลวงเชียงใหม่สืบต่อมาดังปรากฏ
จากนั้น พ.ศ. 2452 เจ้าอินทรวโรรสสุริยวงษ์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 8 โปรดสร้างฉัตรพระเจดีย์ วิหารมีโก่งคิ้วเป็นรูปโค้งไม่มีรวงผึ้ง หน้าบันประดับปูนปั้นลวดลายเครือเถาประดับกระจกอังวะ เจดีย์มีลักษณะทรงกลม ตั้งบนเรือนธาตุฐานสี่เหลี่ยม มีการบูรณะโดยเป็นเป็นรูปแบบอิทธิพลทรงพม่า ส่วนอุโบสถขนาดเล็กกรุด้วยหินอ่อน
นอกจากนี้ ด้านในพระวิหาร ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง แสดงลวดลายเกี่ยวกับความเชื่อทางพุทธศาสนากันมากมาย ซึ่งหากใครมีความรู้เรื่องพุทธศาสนาหน่อย ประเภทตอนเรียนมัธยมได้เกรด 4 วิชานี้คงกระจ่างในเรื่องราวๆ ต่างๆ ผ่านลวดลายได้เป็นอย่างดีครับ
ส่วนใครเรียนไม่เก่ง ก็ต้องไปค้นหาเพิ่มเติมเอาล่ะครับ ของแบบนี้ มันเรียนรู้กันได้ ใช่ว่าจะเราจะโง่ไปตลอดชีวิต
โง่เพราะไม่รู้ เลยศึกษาค้นคว้า กับโง่แล้ว ยังไม่นำพาตัวเองออกจากจุดนั้น อย่างหลังมันทำให้เราโง่หนักกว่าเดิมเลยนะครับ ขอบอก