วัดโรงธรรมสามัคคี

DSCF9392

แม้แดดจะร้อนระอุ ขอแค่ภายในไม่ร้อนตามไปเหมือนข้างนอก

ขึ้นต้นกันอารมณ์ประมาณนี้เพราะตัวเองกำลังเผชิญอากาศร้อนมายังวัดโรงธรรมสามัคคี วัดที่วางตัวอยู่หมู่ 7 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

DSCF9391

ตามประวัติบอกเล่า วัดโรงธรรมสามัคคี เดิมเป็นเพียงอารามเล็กๆ ที่อยู่ในบริเวณสวนมันแกว บ้านตลาดสันกำแพง ต่อมามีคณะผู้ศรัทธาได้ทำการซื้อที่ดินดังกล่าว แล้วยกให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ โดยได้ก่อสร้างศาลาบำเพ็ญบุญหลังหนึ่ง ชาวจึงเรียกตามสำเนียงคำเมืองว่า “โฮงธรรม” (โรงธรรม) โดยจะอาราธานานิมนต์พระภิกษุจากวัดต่างๆ มาเพื่อรับภัตตาหารและเทศนาธรรมทุกวันพระ ในช่วงเข้าพรรษา ต่อมาได้อาราธนาพระอาจารย์กู่ ธมมทินโน พระกรรมฐานสาย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาจำพรรษา และมีการอาราธนาพระอาจารย์อีกหลายรูป จึงมีการสร้างเสนาสนะ และถวาวรวัตถุขึ้นไปตามลำดับ

DSCF9394

สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ คือ พระเจดีย์โพธิปักขิยธรรม เป็นเจดีย์ที่มีรูปร่างแปลกไปจากที่อื่น มีความหมายถึงการนำไปสู่การตรัสรู้ 37 ประการ ได้แก่ สติปัฏฐาน 4, สัมมัปปธาน 4, อิทธิบาท 4, อินทรีย์ 5, พละ 5, โพชฌงค์ 7, มรรคมีองค์ 8 รวมเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ โดยฐานเจดีย์เป็นทรงกลม ภายในประกอบด้วยห้องสมุด ห้องแสดงศิลปวัตถุ ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิด และพระพุทธรูปต่างๆ ชั้นสูงสุดเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุทั้งนี้ พระเจดีย์โพธิปักขิยธรรม มีหลวงปู่ทองบัว เจ้าอาวาสวัดโรงธรรมสามัคคี เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้าง

DSCF9390

วิหารหลังใหญ่สองชั้น เป็นวิหารที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ หน้าบันมีลวดลายสวยงามที่ประณีต รูปแบบทรงล้านนา ลักษณะโครงสร้างของอาคาร เป็นการผสมผสานระหว่าง โครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน กับ โครงสร้างไม้ กล่าวคือ ส่วนฐานของอาคารตลอดจนถึงผนัง มักก่อด้วยอิฐฉาบปูน เทคนิคปูนก่อและฉาบแบบโบราณ ส่วนเครื่องบนหรือหลังคา มักสร้างด้วยโครงสร้างไม้ในระบบเสาและคาน หลังคาเป็นทรงจั่วมีการซ้อนชั้นของหลังคาด้านหน้าสามชั้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา ส่วนฝั่งขวาของวิหารสองชั้นไม่ไกลกันนัก เป็นอุโบสถหลังขนาดเล็ก แบบล้านนาเหมือนกัน

DSCF9393

DSCF9383

นอกจากศาสนสถานแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีความน่าสนใจอีกอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องของ “หลวงปู่ทองบัว ตันติกโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดโรงธรรมสามัคคีพระสังฆาธิการที่ชาวจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ให้ความเคารพนับถือมาช้านานแล้ว โดยเฉพาะตระกูลชินวัตร ที่มรณภาพไป ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.2554 แต่ศพหลวงปู่ทองบัว ตันติกโร สภาพยังเหมือนพระนอนหลับ ไม่เน่าร่างกายไม่ยุบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง

อนึ่ง ตลอดชีวิตของ “หลวงปู่ทองบัว ตันติกโร”ท่านได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนา และปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน เรื่อยมาอย่างเคร่งครัด ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจที่ศรัทธาประชาชนทั้งหลายจะเคารพนับถือท่าน